22 มิถุนายน
ปีนี้ 28 แล้วสิเนี่ยฉัน ขยับเข้าใกล้เลข 3 อีกหน่อยแล้ว เอาเหอะ ฉันยังหน้าเด็กแหละน่า (เข้าข้างตัวเองอิ๊บๆ )
จริงๆ ก็ไม่ได้กังวลอะไรกับตัวเลขที่เพิ่มขึ้นของวัย วันเกิดมันก็วันธรรมดาๆ เพียงแต่ปีนี้รู้สึกว่า เลข 28 มันสวยดี เลยนับวันถอยหลังอยู่หลายวัน
ที่แปลกปีนี้ คือ ทั้งแม่และฉัน ซึ่งเกิดในเดือนเดียวกัน วันเกิดได้ตรงกับวันที่เราเกิดทั้งคู่เลย แม่ของฉันเกิดศุกร์ที่ 11 ปีนี้ วันเกิดแม่ก็ วันศุกร์ ส่วนวันเกิดฉัน เขาบอกว่าคนหัวแข็ง ดื้อรั้นแบบฉัน ถ้าไม่ใช่วันอังคาร ก็วันเสาร์ วันเกิดครานี้ของฉันตรงกับวันอังคารพอดี ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมมันจึงมาตรง แต่ก็ดี ที่วันเกิดตรงกับวันที่เราเกิด ^^
ฉันไม่ได้ทำอะไรมากมาย ไปวัดในตอนเช้า จริงๆ ง่วงแทบตาย แต่เอาเถอะเพื่อความสิริมงคลในชีวิต ถ้าปกติ อยู่ที่บ้านฉันก็ตื่นไม่ไหวหรอก มักจะไปวัดในตอนบ่ายๆ ถวายสังฆทาน แล้วนั่งคุยกับเจ้าอาวาส ตัวฉันก็แปลกเหมือนกัน ไม่ใช่คนแก่อะไรสักหน่อย แต่ชอบจะไปที่วัดแถวบ้าน นั่งคุยกับท่านเจ้าอาวาสทีละนานๆ ถ้าวันหยุดวันไหนฉันหายจากบ้านละก็ แม่จะรู้เลยล่ะว่าฉันอยู่ที่ไหน
วัดนี้ ถึงจะอยู่ในเขตตัวเมือง แต่ดูๆ ไปแล้วกลับกันดารเสียยิ่งกว่าหลายๆ วัดในต่างอำเภอ เคยคุยกับท่านเจ้าอาวาส บางวันไม่มีญาติโยมไปทำบุญ พระท่านก็ต้องเอามะละกอ มาทำส้มตำ นึ่งข้าวเหนียว ว่าง่ายๆ ว่าต้องทำกับข้าวกินเอง เวลาญาติโยมลืมนั่นแหละ ดูเหมือนว่าชาวบ้านแถวนั้นจะไปวัดกันในวันพระ และวันโกนกระมัง
ไม่รู้ว่าป่านนี้โบสถ์ที่ทางวัดสร้าง จะเสร็จหรือยัง ดูจะเป็นโบสถ์ที่สร้างนานที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมา จะเป็นเพราะอะไรนะหรือ ก็เป็นเพราะวัดนี้ ทางวัดไม่มีเงินจะจ้างช่างมาทำ มีแค่เงินจ้างช่างให้มาทำตัวโบสถ์ ส่วนการติดกระเบื้องในโบสถ์นอกโบสถ์ พระในวัดท่านทำเองทั้งนั้น บางคราฉันเอาของไปถวาย หรือไปทำบุญ พระลูกวัดก็มักจะบอกว่า เดี๋ยวท่านเจ้าอาวาสมา พอถามว่าท่านอยู่ที่ไหน ก็มักจะได้รับคำตอบว่าอยู่ที่โบสถ์ หากมองไปทางโบสถ์จะเห็นท่านเจ้าอาวาสง่วนกับการติดกระเบื้อง หรือเดินดูความเรียบร้อยอยู่เสมอๆ
จะว่าไปวัดนี้ก็อยู่ในตัวเมือง ทำเลที่ทางก็ออกจะดี มีฝั่งหนึ่งของวัดติดแม่น้ำ ถึงมีข่าวว่ามีงูเหลือมตัวใหญ่ หรือจระเข้ มาอยู่ริมๆ ฝั่งของทางวัดอยู่เนืองๆ เหมือนกัน
ตัวฉันก็แปลกใจอยู่ไม่หาย ว่าทำไมหนอวัดนี้ ถึงได้ลำเค็ญกว่าวัดอื่นขนาดนี้ ชาวบ้านร้านช่องแถวนั้น หากช่วงที่นอกฤดูการทำการเกษตร หรือคนที่ไม่มีเงิน มักจะพาลูกมาฝากให้บวชเรียนอยู่เสมอๆ นัยว่าฝากไว้กับวัดนี่แหละง่ายดี มีที่อยู่ที่กินพร้อม แถมยังได้เรียนหนังสือโดยไม่ต้องเสียเงินอีกต่างหาก ชีวิตคนเรามันไม่เท่ากันจริงๆ
ภาพสามเณรรูปน้อยๆ เดินเรียงแถวตามหลังพระผู้ใหญ่ในตอนเช้าๆ เป็นภาพที่ฉันแสนคุ้นตา พอสายๆ หน่อยระหว่างทางที่ฉันนั่งรถไปทำงาน ก็มักจะเป็นสามเณรเหล่านั้นเดินเรียงแถวไปโรงเรียนวัดที่อยู่ไม่ไกลจากละแวกนั้นเท่าไหร่นัก
ด้วยความที่เห็นอะไรแบบนี้ ฉันเลยมักจะไปที่วัดนี้บ่อยๆ ในตอนบ่ายของวันเสาร์หรืออาทิตย์ พร้อมกับนมครั้งละกล่องใหญ่ๆ หรือเครื่องดื่มต่างๆ เอาไปถวายท่านเจ้าอาวาสเผื่อถึงเณรเหล่านั้นด้วย
พอไปวัดบนเขาในเช้าวันนั้น อดสะท้อนใจ นึกถึงวัดนี้ไม่ได้ ทำไมหนอ วัดต่างๆ ที่พัทยา ดูจะเป็นพุทธพาณิชย์กันเหลือเกิน วัดที่ฉันเคยเหยียบเข้าไปครั้งหนึ่ง ฉันไม่คิดอยากจะไปทำบุญอีกเลย หากจะนับตู้บริจาคนับแต่หน้าประตูวัดถึงในอุโบสถแล้ว ฉันว่ามีไม่ต่ำกว่า 30 ตู้เป็นแน่เทียว แม่และพ่อฉันพยายามจะบอกว่า เราจะทำบุญอย่าไปนึกถึงเลยว่าจะเป็นอย่างไร แต่เห็นทีไร ฉันก็ยังอดคิดไม่ได้อยู่ทุกที หรือจะเป็นเพราะแถวนี้ สีกาที่ไปทำบุญส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่มีรายได้ดีๆ งามๆ กันทั้งนั้น เลยทำให้อะไรๆ ในวัดก็ดูจะขายได้ .....
เอ หรือฉันบาปไปไหมเนี่ย ที่คิดอะไรทำนองนี้ เขาว่าทำบุญก็ทำไป เราไปคิดอย่างนี้จะได้บุญหรือเปล่าหนอ
Saturday, June 26, 2004
Sunday, June 20, 2004
+ + + วิตกจริต + + +
ทำไมต้องวิตกจริต !!!!
ไม่อยากจะยอมรับว่า ใครมีความสำคัญ หรือบางทีคิดอีกแง่หนึ่งก็คงจะเป็นความคุ้นเคยกระมัง ปกติฉันไม่คิดนะว่า ฉันเป็นคนใจอ่อน หลายต่อหลายคนก็ว่าฉันร้ายอยู่ร่ำไป ดื้อก็เท่านั้น
แล้วทำไมคืนที่แล้วฉันนอนไม่หลับเล่า
จริงๆ แล้วฉันไม่อยากจะยอมรับว่า ใครคนนี้มีอิทธิพล หรือมีความสำคัญ ในเมื่อทุกวันนี้ฉันไม่เคยรู้เลยว่าเราเป็นอะไรกัน อย่าถามเชียวนะ ว่าไอ้ที่คุยกันมาปีกว่าๆ เนี่ย เป็นอะไรกัน คำตอบฉันไม่มีให้หรอก ฉันเองยังสับสนอยู่หลายทีเลยว่าทำไม อะไรกันนักหนา แต่เอาเหอะไม่ได้เดือดร้อนอะไร อย่างที่ฉันบอกกับใครหลายๆ คนว่า ฉันไม่ได้คาดหวังอะไร กับการคุยกับใครสักคน ถึงแม้จะมีบ้างก็ตามที่รู้สึกไหวๆ ไปมั่ง ก็แหม คนนี่นา มันก็ต้องมีมั่งแหละน่า
อ้าวฉัน เขียนอะไรเนี่ย แล้วมันเกี่ยวกับที่ฉันวิตกจริตตรงไหนเล่า
เมื่อคืนนี้นอนไม่ใคร่จะหลับ จะว่าไปแล้ว ฉันเองก็หลับไม่ลงตอนกลางคืนเป็นนิจอยู่แล้ว จะแปลกตรงไหนละถ้าจะบอกว่า ไม่หลับ ก็เปล่านะ ไม่แปลก แต่ที่แปลกน่ะ ใจฉันต่างหากเล่าที่มันแปลก กระวนกระวาย พะว้าพะวัง คิดถึงใครคนที่หายไปหลายวัน หายไปไหนกันนะ ใจก็อดคิดถึงไม่ได้ คงเป็นเพราะความเคยชิน ความคุ้นเคยที่ฉันไม่ได้เป็นคนก่อ แต่เป็นเพราะใครคนนั้นทำให้อดคิดไม่ได้ อดรนทนไม่ไหว เลยยั้งมือ(ยั้งใจหรือเปล่าหนอ)ไม่ได้ missed call ไปหาเขาตามเคย เบอร์แรก ปิดเครื่อง
เอ้ย!!! เป็นไปได้อย่างไร ปิดเครื่อง สำหรับคนที่ไม่เคยปิดเครื่องอย่างเขานี่นะเหรอ อืม งั้นลองใหม่อีกเบอร์ที่เหลือ ปิดหมดทุกเบอร์ ....
นั่นแหละ สาเหตุความวิตกจริตของฉัน ครั้งหนึ่งฉันเคยบอกเขาว่า หากเขาหายไป หรือเป็นอะไรไปขึ้นมา ฉันคงไม่มีโอกาสได้รู้ ฉันฉุกคิดถึงบทสนทนากลางดึกของฉันและเขาไม่ได้ หรือเขาจะเป็นอะไรละเนี่ย ขับรถไปทำงาน รถคว่ำที่ไหนหรือเปล่า(วะ) หรือมีใครดักฉุดไปทำสามีหรือเปล่าเนี่ย ไอ้ความคิดฉันแต่ละอย่างไม่มีดีทั้งนั้นแหละ ....ฉันเฝ้าคิด เฝ้าสงสัย ทั้งยังกังวลจนข่มตาหลับไม่ลง จนแสงแรกของตะวันส่องแสงเข้ามาในห้องเรื่อๆ นั่นแหละ ฉันถึงผล็อยหลับลงได้
ตื่นขึ้นมาตอน 10 โมงกว่าๆ เพราะเสียงโทรศัพท์เพื่อนสาวตัวดี พยายามข่มตาหลับต่อ แต่ทำได้ไม่ดีเท่าไหร่ เที่ยงกว่าๆ ฉันลุกขึ้นมา เพราะจะนอนก็หลับไม่สนิท จะทำไงดีนะเนี่ย ทำธุระส่วนตัวเสร็จ มานั่งมองโทรศัพท์ ลองอีกทีดีไหม เผื่อเขาจะอยู่กับใคร อาจจะไม่สะดวกที่จะเปิดเครื่องตอนกลางคืน กลั้นใจกดหมายเลขแรก ไม่ติด (T_T) เศร้าแล้วฉัน จะทำอย่างไรต่อดี กดอีกเบอร์ ครานี้เป็นเบอร์ของเครือข่ายที่แรงชัดทั่วไทย ครอบคลุมทั่วประเทศ เงียบ ทำไมไม่ดังสักที อ๊ะ!! ฉันอุทานด้วยความดีใจ ติดแล้ว แต่ให้ดังนานกว่า 1 ครั้งก็ไม่กล้า missed call ตามเดิมแล้วกัน
ฉันนั่งมองโทรศัพท์อยู่อีกพัก เริ่มคิดว่าทำไมฉันถึงต้องเกิดอาการวิตกขนาดนั้น ฉันเคยคิดว่าเป็นแค่ความคุ้นเคย ทำไมฉันถึงต้องมีอาการแบบนี้ แต่คิดอีกที ก็คงเป็นเพราะความรู้สึกดีๆ ที่เรามีให้เขา ถึงจะไม่มากมายอะไร แต่ก็คงเพียงพอให้เรากังวัลแบบนี้กระมัง (คิดเข้าข้างตัวเองมากเลยฉัน)
"ปิ๊บ ปิ๊บ" เสียงข้อความเข้า "อยู่ต่างจังหวัด(ภาคอีสาน)"
เอาเหอะนะ ได้รู้ว่าอยู่ไหน ปลอดภัย ฉันก็ยิ้มได้แล้วล่ะ ไม่ตายก็ดีแล้ว
อย่าถามว่าฉันคิดอย่างไร ฉันไม่รู้ว่าคิดอย่างไรเหมือนกัน ฉันมีขีดมีเส้นของตัวเอง ฉันอยากให้มันอยู่แค่นี้ ฉันเองกำลังพยายาม....
ไม่อยากจะยอมรับว่า ใครมีความสำคัญ หรือบางทีคิดอีกแง่หนึ่งก็คงจะเป็นความคุ้นเคยกระมัง ปกติฉันไม่คิดนะว่า ฉันเป็นคนใจอ่อน หลายต่อหลายคนก็ว่าฉันร้ายอยู่ร่ำไป ดื้อก็เท่านั้น
แล้วทำไมคืนที่แล้วฉันนอนไม่หลับเล่า
จริงๆ แล้วฉันไม่อยากจะยอมรับว่า ใครคนนี้มีอิทธิพล หรือมีความสำคัญ ในเมื่อทุกวันนี้ฉันไม่เคยรู้เลยว่าเราเป็นอะไรกัน อย่าถามเชียวนะ ว่าไอ้ที่คุยกันมาปีกว่าๆ เนี่ย เป็นอะไรกัน คำตอบฉันไม่มีให้หรอก ฉันเองยังสับสนอยู่หลายทีเลยว่าทำไม อะไรกันนักหนา แต่เอาเหอะไม่ได้เดือดร้อนอะไร อย่างที่ฉันบอกกับใครหลายๆ คนว่า ฉันไม่ได้คาดหวังอะไร กับการคุยกับใครสักคน ถึงแม้จะมีบ้างก็ตามที่รู้สึกไหวๆ ไปมั่ง ก็แหม คนนี่นา มันก็ต้องมีมั่งแหละน่า
อ้าวฉัน เขียนอะไรเนี่ย แล้วมันเกี่ยวกับที่ฉันวิตกจริตตรงไหนเล่า
เมื่อคืนนี้นอนไม่ใคร่จะหลับ จะว่าไปแล้ว ฉันเองก็หลับไม่ลงตอนกลางคืนเป็นนิจอยู่แล้ว จะแปลกตรงไหนละถ้าจะบอกว่า ไม่หลับ ก็เปล่านะ ไม่แปลก แต่ที่แปลกน่ะ ใจฉันต่างหากเล่าที่มันแปลก กระวนกระวาย พะว้าพะวัง คิดถึงใครคนที่หายไปหลายวัน หายไปไหนกันนะ ใจก็อดคิดถึงไม่ได้ คงเป็นเพราะความเคยชิน ความคุ้นเคยที่ฉันไม่ได้เป็นคนก่อ แต่เป็นเพราะใครคนนั้นทำให้อดคิดไม่ได้ อดรนทนไม่ไหว เลยยั้งมือ(ยั้งใจหรือเปล่าหนอ)ไม่ได้ missed call ไปหาเขาตามเคย เบอร์แรก ปิดเครื่อง
เอ้ย!!! เป็นไปได้อย่างไร ปิดเครื่อง สำหรับคนที่ไม่เคยปิดเครื่องอย่างเขานี่นะเหรอ อืม งั้นลองใหม่อีกเบอร์ที่เหลือ ปิดหมดทุกเบอร์ ....
นั่นแหละ สาเหตุความวิตกจริตของฉัน ครั้งหนึ่งฉันเคยบอกเขาว่า หากเขาหายไป หรือเป็นอะไรไปขึ้นมา ฉันคงไม่มีโอกาสได้รู้ ฉันฉุกคิดถึงบทสนทนากลางดึกของฉันและเขาไม่ได้ หรือเขาจะเป็นอะไรละเนี่ย ขับรถไปทำงาน รถคว่ำที่ไหนหรือเปล่า(วะ) หรือมีใครดักฉุดไปทำสามีหรือเปล่าเนี่ย ไอ้ความคิดฉันแต่ละอย่างไม่มีดีทั้งนั้นแหละ ....ฉันเฝ้าคิด เฝ้าสงสัย ทั้งยังกังวลจนข่มตาหลับไม่ลง จนแสงแรกของตะวันส่องแสงเข้ามาในห้องเรื่อๆ นั่นแหละ ฉันถึงผล็อยหลับลงได้
ตื่นขึ้นมาตอน 10 โมงกว่าๆ เพราะเสียงโทรศัพท์เพื่อนสาวตัวดี พยายามข่มตาหลับต่อ แต่ทำได้ไม่ดีเท่าไหร่ เที่ยงกว่าๆ ฉันลุกขึ้นมา เพราะจะนอนก็หลับไม่สนิท จะทำไงดีนะเนี่ย ทำธุระส่วนตัวเสร็จ มานั่งมองโทรศัพท์ ลองอีกทีดีไหม เผื่อเขาจะอยู่กับใคร อาจจะไม่สะดวกที่จะเปิดเครื่องตอนกลางคืน กลั้นใจกดหมายเลขแรก ไม่ติด (T_T) เศร้าแล้วฉัน จะทำอย่างไรต่อดี กดอีกเบอร์ ครานี้เป็นเบอร์ของเครือข่ายที่แรงชัดทั่วไทย ครอบคลุมทั่วประเทศ เงียบ ทำไมไม่ดังสักที อ๊ะ!! ฉันอุทานด้วยความดีใจ ติดแล้ว แต่ให้ดังนานกว่า 1 ครั้งก็ไม่กล้า missed call ตามเดิมแล้วกัน
ฉันนั่งมองโทรศัพท์อยู่อีกพัก เริ่มคิดว่าทำไมฉันถึงต้องเกิดอาการวิตกขนาดนั้น ฉันเคยคิดว่าเป็นแค่ความคุ้นเคย ทำไมฉันถึงต้องมีอาการแบบนี้ แต่คิดอีกที ก็คงเป็นเพราะความรู้สึกดีๆ ที่เรามีให้เขา ถึงจะไม่มากมายอะไร แต่ก็คงเพียงพอให้เรากังวัลแบบนี้กระมัง (คิดเข้าข้างตัวเองมากเลยฉัน)
"ปิ๊บ ปิ๊บ" เสียงข้อความเข้า "อยู่ต่างจังหวัด(ภาคอีสาน)"
เอาเหอะนะ ได้รู้ว่าอยู่ไหน ปลอดภัย ฉันก็ยิ้มได้แล้วล่ะ ไม่ตายก็ดีแล้ว
อย่าถามว่าฉันคิดอย่างไร ฉันไม่รู้ว่าคิดอย่างไรเหมือนกัน ฉันมีขีดมีเส้นของตัวเอง ฉันอยากให้มันอยู่แค่นี้ ฉันเองกำลังพยายาม....
Subscribe to:
Posts (Atom)