Monday, October 17, 2005

Friends Will be Lasting Long

เพื่อนสนิทกับความคิดถึง


วันนี้วันวันอาทิตย์ เลยถือโอกาสหยุดงาน หลังจากไม่ได้หยุดมาหนึ่งเดือนเต็มๆ เปล่า ไม่ใช่ว่าจะขยันทำงาน หรือโดนใช้แรงงานเป็นโรงงานนรกอะไรหรอก มันไม่รู้จะไปไหนมากกว่าน่ะ ชีวิตกินอยู่กับที่ทำงาน ตื่นมาก็ลงมาทำงาน เลิกงานก็ขึ้นห้อง มันวนๆ เวียนๆ อยู่แบบนี้ ถ้าไม่มีเหตุให้ต้องเข้ากรุง หรือไปต่างจังหวัด ก็เลยไม่ค่อยจะหยุด เพราะหยุดแล้วก็ไม่รู้จะไปไหน ทำอะไรสักเท่าไหร่ เลยเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมถึงไม่ค่อยจะหยุดงานสักเท่าไหร่ แต่พอดีวันนี้ อยากดูหนัง จริงๆ ตั้งใจจะไปดูหนังเรื่องนี้มาตั้งแต่ได้ยิน OST ของเรื่องนี้แล้ว ฟังแล้วมันจั๊กจี้ใจดีพิลึก "ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย ในความคุ้นเคยกันอยู่....." บวกกับเสียงร้องของนักร้องเข้าด้วยแล้ว ต่อมความอยากดูหนังก็ยิ่งผลิตฮอร์โมนกระตุ้นความอยากทันที แต่จริงๆ แล้ววันนี้ใช่ว่าจะตั้งใจไปดูหนังเรื่องนี้เรื่องเดียว ยังมีอีกเรื่องที่ตั้งใจไปดู ก่อนที่มันจะออกจากโรงไปเสียก่อน พัทยานี่อะไรๆ ก็ดีนะ เสียแต่หนังเนี่ย ยืนโรงฉายน้อยมาก อีกเรื่องน่ะไปดูเรื่องผู้ชายขายตัว เอ้ย Deuce Biggalo ภาค 2 มา (พิมพ์ชื่อมันถูกไหมเนี่ย) ไปวันนี้ก็เกือบไม่ได้ดูเสียแล้ว เพราะมันมีรอบเหลืออยู่ 2 รอบ เหตุผลอีกอย่างหนึ่งที่ไปดูหนัง เพราะอยากจะใช้ monthly passport ของ SF ให้มันคุ้ม อิอิ เพิ่งดูไปได้ 6 เรื่องเอง ใช้ๆ ให้คุ้มเสียหน่อย โปรโมชั่นแบบนี้อย๊าก อยากให้มีอีกสักปีละสามสี่รอบ คุ้มจริงๆ 390 ดูหนังทั้งเดือนนี่



ก่อนเข้าโรงหนังไม่คิดเหมือนกันว่าจะได้ดูหนังที่ทำให้คิดถึงเรื่องราวเก่าๆ ของตัวเองได้แบบนี้ ไม่ได้คิดว่าจะดูแล้วรู้สึกอะไรมากมายกับหนังเรื่องนี้ แต่ดูแล้วนึกถึงเรื่องตัวเอง แล้วก็นึกถึงสถานะในปัจจุบันของตัวเอง จะไม่ให้คิดถึงได้อย่างไร ในเมื่อไอ้ตัวพระเอกนั่นมันท่าทาง ทรงผมมันคล้ายกะแฟนเก่าเดี๊ยะๆ - -" เฮ้ออ นี่แหละน้อ เขาบอกว่าคนเราใช้เวลาไม่นานกับการรู้สึกอะไร แต่ใช้เวลาทั้งชีวิตกับการลบเลือน จริงๆ ก็ไม่เคยที่จะลืมอะไร ก็แค่เลือนๆ ไปบ้างเท่านั้นเอง แต่จริงๆ แล้วเรื่องราวของเพื่อนสนิทแอบรักเพื่อน ไม่ใช่อย่างเดียวที่ทำให้อยากจะเขียนอะไรเพ้อๆ ยาวๆ แบบนี้หรอก (ถึงตอนที่เรียนที่มหาลัยภูธรจะเป็นแบบนั้นก็เหอะ) แต่เป็นเพราะจดหมายของพ่อไข่ย้อย(พระเอก) ที่เขียนถึงหญิงผู้เป็นที่รักในตอนท้ายนั่นต่างหาก เพราะมันตรงกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในชีวิตจริงดีเหลือเกิน จำเนื้อความในจดหมายไม่ได้เท่าไหร่ แต่สาระตอนท้ายๆ อยู่ที่ว่า ดีใจที่อย่างน้อยคำว่าเพื่อนก็ยังคงอยู่ อย่างน้อยถึงไม่ได้รักกันก็ยังเป็นเพื่อนกัน ขณะที่ดูหนังไป ความคิดก็ย้อนกลับไปหลายปีก่อนที่เคยอยู่ในบรรยากาศคล้ายๆ กับในเรื่อง ชีวิตในมหาลัยต่างจังหวัด เพื่อนสนิท กับความรัก มันห้ามตัวเองไม่ได้จริงๆ ที่จะคิดถึงอดีตที่ตัวเองเคยมีมา ความสัมพันธ์ที่เริ่มจากการเป็นเพื่อน จนกลายเป็นความรัก จากความรักกลับมาเป็นเพื่อนกันได้อีกครั้ง รู้สึกว่าตัวเองโชคยังดีที่ยังมีเขาในชีวิตในฐานะ "เพื่อนสนิท"


เพราะทุกวันนี้กับคนของอดีตก็กลายมาเป็นเพื่อนสนิทกันอีกครั้ง ที่คราวนี้ไม่ต้องแอบรักกัน เพราะไม่ได้เป็นแฟนกันแล้ว แต่ความผูกพัน ความรักก็ยังมีอยู่ในใจ เป็นความรู้สึกที่จะไม่หายไปไหน ถึงแม้ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ถึงวันนี้คนของอดีตจะมีใครใหม่ คนของปัจจุบันเขาแล้วก็ตาม แต่ต่างคนก็ต่างรับรู้ ว่ายังมีกันและกัน ถึงไม่ได้เจอหน้า ไม่ได้พบกัน แต่ความรู้สึกที่มันมีให้กัน ก็ยังเหมือนเดิม ดีใจจริงๆที่มิตรภาพไม่ได้หล่นหายไปพร้อมกับคำว่าเลิกรา ........... Friends will be lasting long



เดินออกจากโรงหนังด้วยความรู้สึกอุ่นๆ ในหัวใจ พร้อมกับกรุ่นๆ เพราะความรำคาญพวกผีๆ ในโรงหนัง ไม่รู้เอาสมองส่วนไหนคิด เข้าโรงหนังแล้วคุยโทรศัพท์ ไม่ใช่แค่ตัวเดียว แต่มีทั้งผีตัวผู้และตัวเมีย พวกนี้นั่งหัวเราะกับสปอตโฆษณารณรงค์การปิดโทรศัพท์ในโรงหนัง แต่ดูเหมือนจะไม่สำเหนียกอะไรเล้ยยย สาธุ๊ ดูหนังรอบต่อไปอย่าได้เจอะได้เจอกับผีๆ เหล่านี้อีกเล้ยยยย