Saturday, June 26, 2004

My Birthday

22 มิถุนายน

ปีนี้ 28 แล้วสิเนี่ยฉัน ขยับเข้าใกล้เลข 3 อีกหน่อยแล้ว เอาเหอะ ฉันยังหน้าเด็กแหละน่า (เข้าข้างตัวเองอิ๊บๆ )
จริงๆ ก็ไม่ได้กังวลอะไรกับตัวเลขที่เพิ่มขึ้นของวัย วันเกิดมันก็วันธรรมดาๆ เพียงแต่ปีนี้รู้สึกว่า เลข 28 มันสวยดี เลยนับวันถอยหลังอยู่หลายวัน

ที่แปลกปีนี้ คือ ทั้งแม่และฉัน ซึ่งเกิดในเดือนเดียวกัน วันเกิดได้ตรงกับวันที่เราเกิดทั้งคู่เลย แม่ของฉันเกิดศุกร์ที่ 11 ปีนี้ วันเกิดแม่ก็ วันศุกร์ ส่วนวันเกิดฉัน เขาบอกว่าคนหัวแข็ง ดื้อรั้นแบบฉัน ถ้าไม่ใช่วันอังคาร ก็วันเสาร์ วันเกิดครานี้ของฉันตรงกับวันอังคารพอดี ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมมันจึงมาตรง แต่ก็ดี ที่วันเกิดตรงกับวันที่เราเกิด ^^

ฉันไม่ได้ทำอะไรมากมาย ไปวัดในตอนเช้า จริงๆ ง่วงแทบตาย แต่เอาเถอะเพื่อความสิริมงคลในชีวิต ถ้าปกติ อยู่ที่บ้านฉันก็ตื่นไม่ไหวหรอก มักจะไปวัดในตอนบ่ายๆ ถวายสังฆทาน แล้วนั่งคุยกับเจ้าอาวาส ตัวฉันก็แปลกเหมือนกัน ไม่ใช่คนแก่อะไรสักหน่อย แต่ชอบจะไปที่วัดแถวบ้าน นั่งคุยกับท่านเจ้าอาวาสทีละนานๆ ถ้าวันหยุดวันไหนฉันหายจากบ้านละก็ แม่จะรู้เลยล่ะว่าฉันอยู่ที่ไหน
วัดนี้ ถึงจะอยู่ในเขตตัวเมือง แต่ดูๆ ไปแล้วกลับกันดารเสียยิ่งกว่าหลายๆ วัดในต่างอำเภอ เคยคุยกับท่านเจ้าอาวาส บางวันไม่มีญาติโยมไปทำบุญ พระท่านก็ต้องเอามะละกอ มาทำส้มตำ นึ่งข้าวเหนียว ว่าง่ายๆ ว่าต้องทำกับข้าวกินเอง เวลาญาติโยมลืมนั่นแหละ ดูเหมือนว่าชาวบ้านแถวนั้นจะไปวัดกันในวันพระ และวันโกนกระมัง

ไม่รู้ว่าป่านนี้โบสถ์ที่ทางวัดสร้าง จะเสร็จหรือยัง ดูจะเป็นโบสถ์ที่สร้างนานที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมา จะเป็นเพราะอะไรนะหรือ ก็เป็นเพราะวัดนี้ ทางวัดไม่มีเงินจะจ้างช่างมาทำ มีแค่เงินจ้างช่างให้มาทำตัวโบสถ์ ส่วนการติดกระเบื้องในโบสถ์นอกโบสถ์ พระในวัดท่านทำเองทั้งนั้น บางคราฉันเอาของไปถวาย หรือไปทำบุญ พระลูกวัดก็มักจะบอกว่า เดี๋ยวท่านเจ้าอาวาสมา พอถามว่าท่านอยู่ที่ไหน ก็มักจะได้รับคำตอบว่าอยู่ที่โบสถ์ หากมองไปทางโบสถ์จะเห็นท่านเจ้าอาวาสง่วนกับการติดกระเบื้อง หรือเดินดูความเรียบร้อยอยู่เสมอๆ
จะว่าไปวัดนี้ก็อยู่ในตัวเมือง ทำเลที่ทางก็ออกจะดี มีฝั่งหนึ่งของวัดติดแม่น้ำ ถึงมีข่าวว่ามีงูเหลือมตัวใหญ่ หรือจระเข้ มาอยู่ริมๆ ฝั่งของทางวัดอยู่เนืองๆ เหมือนกัน
ตัวฉันก็แปลกใจอยู่ไม่หาย ว่าทำไมหนอวัดนี้ ถึงได้ลำเค็ญกว่าวัดอื่นขนาดนี้ ชาวบ้านร้านช่องแถวนั้น หากช่วงที่นอกฤดูการทำการเกษตร หรือคนที่ไม่มีเงิน มักจะพาลูกมาฝากให้บวชเรียนอยู่เสมอๆ นัยว่าฝากไว้กับวัดนี่แหละง่ายดี มีที่อยู่ที่กินพร้อม แถมยังได้เรียนหนังสือโดยไม่ต้องเสียเงินอีกต่างหาก ชีวิตคนเรามันไม่เท่ากันจริงๆ
ภาพสามเณรรูปน้อยๆ เดินเรียงแถวตามหลังพระผู้ใหญ่ในตอนเช้าๆ เป็นภาพที่ฉันแสนคุ้นตา พอสายๆ หน่อยระหว่างทางที่ฉันนั่งรถไปทำงาน ก็มักจะเป็นสามเณรเหล่านั้นเดินเรียงแถวไปโรงเรียนวัดที่อยู่ไม่ไกลจากละแวกนั้นเท่าไหร่นัก

ด้วยความที่เห็นอะไรแบบนี้ ฉันเลยมักจะไปที่วัดนี้บ่อยๆ ในตอนบ่ายของวันเสาร์หรืออาทิตย์ พร้อมกับนมครั้งละกล่องใหญ่ๆ หรือเครื่องดื่มต่างๆ เอาไปถวายท่านเจ้าอาวาสเผื่อถึงเณรเหล่านั้นด้วย

พอไปวัดบนเขาในเช้าวันนั้น อดสะท้อนใจ นึกถึงวัดนี้ไม่ได้ ทำไมหนอ วัดต่างๆ ที่พัทยา ดูจะเป็นพุทธพาณิชย์กันเหลือเกิน วัดที่ฉันเคยเหยียบเข้าไปครั้งหนึ่ง ฉันไม่คิดอยากจะไปทำบุญอีกเลย หากจะนับตู้บริจาคนับแต่หน้าประตูวัดถึงในอุโบสถแล้ว ฉันว่ามีไม่ต่ำกว่า 30 ตู้เป็นแน่เทียว แม่และพ่อฉันพยายามจะบอกว่า เราจะทำบุญอย่าไปนึกถึงเลยว่าจะเป็นอย่างไร แต่เห็นทีไร ฉันก็ยังอดคิดไม่ได้อยู่ทุกที หรือจะเป็นเพราะแถวนี้ สีกาที่ไปทำบุญส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่มีรายได้ดีๆ งามๆ กันทั้งนั้น เลยทำให้อะไรๆ ในวัดก็ดูจะขายได้ .....






เอ หรือฉันบาปไปไหมเนี่ย ที่คิดอะไรทำนองนี้ เขาว่าทำบุญก็ทำไป เราไปคิดอย่างนี้จะได้บุญหรือเปล่าหนอ



1 comment:

Kaew said...

อ่านแล้วเห็นภาพเลยค่ะ
เห็นใจผู้สืบทอดพระพุทธศาสนาที่ดี
แต่กลับต้องอยู่อย่างตามมีตามเกิด
ถึงแม้ในความเป็นจริงท่านอาจไม่ลำบากอย่างเราคิด

เห็นวัดพุทธพาณิชย์ก็ได้แต่ถอนใจ เฮ้อ

พี่แจงไม่ได้แก่สักหน่อยนะคะ
ออกจะเอ๊าะขนาดนี้ =)