Sunday, January 09, 2005

ฉัน แปลก ไป

ดูเหมือนฉันจะห่างจากการ update ไปเรื่อยๆ ทุกทีๆ สิเนี่ย ไม่รู้สิ อยากเขียน แต่สมอง กับสองมือมันไม่อำนวยเท่าไหร่ เหมือนๆ รอยหยักในสมองจะน้อยลงไปหรือเปล่าก็สุดจะเดา เพราะความคิด หรือความเห็นเรื่องอะไรแทบไม่มี เหมือนหลับตาลงทีไรก็เห็นแต่กระดาษขาวๆ พื้นที่ว่างเปล่า หรือสมองฉันมันน้อยใจที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน เลยหนีหายไปเสียแล้ว!!


จริงๆ จะว่าไปแล้วจะไม่มีอะไรบ่น หรือเขียนก็ไม่เชิง มันเหมือนติดๆ อยู่ในใจ ร่ำ ๆ อยากจะเขียนหลายคราว แต่ก็ไม่รู้มีอะไรดลใจไม่ให้เขียน จะด้วยเพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัว ที่ฉันมักคิดเสมอว่า เรื่องส่วนตัวมิพึงเปิดเผยทางพื้นที่สาธารณะ แต่คิดอีกที มันก็ใช่จะส่วนตัวอะไรมากมาย มันแค่ความคิดแปลกๆ ของฉันเท่านั้นเอง แต่หากก็เป็นความคิดที่ฉันมาย้อนถามตัวเองอยู่ทุกบ่อยว่า อะไรหนอที่มันดลบันดาลให้ฉันคิดอะไรแบบนี้ และดูเหมือนฉันจะรู้สึกขึ้นทุกวัน
คนที่เคยมาอ่าน blog ของฉัน ถ้าเห็นงานเขียนชิ้นนี้ของฉันแปลกๆ ดูไม่เหมือนเคย ก็ได้โปรดทำใจ หรือถ้าคิดว่าอาจจะไม่เข้าทาง หรือเข้าตาท่านๆ ก็ปิดออกไปเสียก็ได้นะ เพราะคราวนี้ ฉันจะร่ายความคิดแผลงๆ จะปนทะลึ่งนิดหน่อยหรือเปล่าก็ยังไม่ทราบแน่ สุดแท้แต่เจ้านิ้วทั้งสิบ และสมองที่เหลือพื้นที่อยู่น้อยเต็มทีจะพาไปแล้วกันนะคุณๆ ท่านๆ


มานั่งสังเคราะห์ความคิดตัวเอง ถึงมารู้ว่า สิ่งที่ทำให้ฉันรู้สึกตัวว่ามีความคิดแบบนี้อยู่ในตัว ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่า ได้ความคิดทำนองนี้มานานแล้วหรือยัง หรือมีติดตัวมาตั้งนมนานแล้วแต่เพิ่งรู้ตัว ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน "ฉัน บ้า กาม" หนังสือเนื้อหาได้ใจ(ในความคิดฉัน) ของสาวแสนจะมั่นคนนั้น นักเขียนชาวเหนือคนโปรดของฉัน "คำ ผกา" ด้วยถ้อยคำง่ายๆ สำนวนเรียบๆ ไม่ต้องเสริม ต้องเติมหรือแต่ง แต่เขียนออกมาได้น่าสนใจน่าติดตามทีเดียว โดยเฉพาะเรื่องมุมมองความเป็นหญิงของเธอ มั่นขนาดไหนนั้น ก็ขนาดที่ถ่ายแบบไม่มีเสื้อผ้าติดตัว ในนิตยสารของผู้ชายฉบับหนึ่งนั่นเชียวล่ะ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันติดใจ ฉันติดตากับความคิดความอ่านของเธอต่างหาก เธอมองอะไรๆ ด้วยความเป็นธรรมชาติของคน ไม่ใช่ด้วยอุดมคติ หากยืนอยู่บนพื้นของความเป็นจริง และ "ฉัน บ้า กาม" ก็เป็นอีกหนึ่งงานของเธอที่สะท้อนความคิดที่เกี่ยวกับเรื่องทำนองนี้ จริงๆ จะบอกว่า มันเป็นเนื้อหาที่เกี่ยวกับพฤติกรรมของสาวๆ ในยุคนี้ได้เป็นอย่างดีทีเดียว ฉันถึงฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ไม่ใช่แต่บรรดาสาวๆ ที่ "คำ ผกา" เขียน แต่หากยังรวมถึงตัวฉันด้วย ความคิดของฉันทำนองนี้ ดูจะมากขึ้นทุกที ฉันถึงบอกว่ามันเป็นความรู้สึกแปลกๆ จะเพราะฉันไม่ใช่คนที่มาคิดอะไรกับเรื่องพวกนี้มากมาย หรือเพราะฉันเคยเป็นคนที่ยึดมั่น ถือมั่นด้วย


ฉันค้นพบว่า ฉันเริ่มไม่ต้องการการผูกมัด ไม่ต้องการมีใครเป็นคนพิเศษในชีวิตมากขึ้นทุกที ฉันพบว่า ฉันมีความสุขกับการใช้ชีวิตคนเดียว เดินทางไปไหนมาไหนคนเดียว ฉันไม่อยากมีใคร ไม่อยากมีความสัมพันธ์กับใครเป็นเวลานาน (แต่กระทั่งระยะสั้นฉันก็ยังไม่มีนะ) มีบ้างเหมือนกัน ที่ฉันอยากจะมีใคร เวลารู้สึกเหงาขึ้นมาแบบจับจิต อยากมีเหมือนกัน ใครสักคนที่จะเติมจะเต็มความรู้สึกเวลาเราเหงาได้ อยากมีใครเหมือนกันที่จะจูงมือ เดินเที่ยว หรือดูหนังด้วยกันสักเรื่อง ไม่จำเป็นต้องตัวติดกันตลอดเวลา แต่ขอแค่ช่วงเวลาสั้นๆ บางทีเวลาที่เหงาเสียจนไม่รู้จะบอกอย่างไร ก็อยากมีเหมือนกัน คนที่จะคอยกอดให้อุ่นใจ แต่ก็แค่นั้นแหละ ที่คิดถึงบ่อยๆ คือ อ้อมกอดอุ่นๆ (แต่ของใครไม่ทราบได้) ไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่านั้นเลย พอหายเหงา หรือหายเบื่อ ก็ไม่อยากได้แล้วอ้อมแขนอุ่นๆ นั้น ดูจะร้อนไปด้วยซ้ำ ดูเหมือนฉันจะชินกับการอยู่คนเดียว ฉันไม่ได้ต้องการใครจริงจัง แค่ขอมีเพื่อนอยู่ด้วยเวลาเหงาๆ ก็เท่านั้นแหละ
ฉันเคยยึดถือกับใครบางคนเป็นพักๆ เวลาพลาด ฉันถึงเจ็บหนักนัก แต่ตอนนี้ จะเพราะฉันโตขึ้นหรือเปล่าก็ยังไม่แน่ใจ ความคิดฉันเลยแแปลกไป จากที่เคยอยากมีรัก อยากมีใคร ทุกวันนี้ ฉันอยากมีแค่ยามฉันเหงา ..........



ก็แค่เวลาเหงานั่นแหละ ที่อยากได้เหลือเกิน อ้อมกอดอุ่นๆ ของใครสักคน.......