Friday, June 02, 2006

มีแฟนเหมือนมีตู้ ATM



เอาอีกแล้วฉัน รู้สึกอะไรแบบนี้ขึ้นมาอีกแล้ว เปล่าหรอกนะ ไม่ใช่ไอ้ความรู้สึกหวานแหววตะแหน่วๆ ที่มักจะเป็นอยู่พักนี้หรอก แต่เป็นความรู้สึกที่แบบรังเกียจ สะอิดสะเอียนกับลูกค้าบางคนมากกว่า จริงๆ ฉันรู้นะว่ามันเป็นงาน งานที่ฉันควรจะต้องทำเฉยเมินๆ ไปเสีย อย่าไปสนใจ ใส่ใจว่าเขาจะทำอะไรอย่างไร ไม่ควรที่ฉันจะต้องเก็บเรื่องเขามาเป็นอารมณ์ หรือไปรู้สึกกับสิ่งที่เขาทำ เพราะจริงๆ แล้วงานฉัน ทำให้เขา จบก็คือจบ แต่ทำไมมันไม่จบในความรู้สึกฉันก็ไม่ทราบได้

ฉันเคยเขียนเรื่องราวในพัทยามาบ้างหลายหน ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของชีวิตสาวๆ กลางคืนที่เขามาหากินแถวนี้ด้วยวิถีแห่งกามารมณ์เสียมากกว่า เพราะฉันคุ้นเคยกับพวกเจ้าหล่อน และได้รับรู้รับฟังปัญหาของพวกเธออยู่แทบทุกวัน บางคนก็เล่าเรื่องราวของตนให้ฉันฟังแบบตั้งใจ บางคนฉันสนใจฉันก็ชวนคุย เก็บข้อมูลไปเรื่อยๆ แต่ผู้หญิงบางคนที่ไม่ได้มีอาชีพขายเรือนร่างแลกเงินทองเหมือนพวกสาวๆ แบบนี้ ฉันกลับไม่อยากจะปริปากคุยด้วย คำน้อยก็ไม่เคยอยากจะเอ่ย หรือสนทนาพาทีแต่อย่างใด

ฉันเคยเขียนไว้ตั้งแต่ปีที่แล้วว่า สาวๆ พัทยาส่วนใหญ่มักจะเป็นสาวที่ทำงานบาร์ จะสาวเล็กสาวใหญ่ สาวที่อยู่กับบาร์ตั้งแต่สาวจนเหี่ยวแล้วเหี่ยวอีกยังไม่มีใครสอยไปจากบาร์เสียทีก็มี อย่างว่าพัทยาเป็นเมืองที่หากินกับชาวต่างชาติ หัวดำๆ ไม่ค่อยมีสิทธิมีเสียง หรือได้รับการยอมรับสักเท่าไหร่หรอกสำหรับชาวพัทยา แต่จริงๆ ควรจะบอกว่าสำหรับคนที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับพวกหัวทองทั้งหลายเสียมากกว่า กระทั่งหอพักหรืออพาร์ทเมนต์บางแห่ง ไม่อนุญาตให้ชายไทยขึ้นไปนั่นแหละ แต่กลับอนุญาตให้ชาวต่างชาติขึ้นได้ ตลกดี ราวกับว่าผมสีทองๆ หัวแดงๆ นั้นเป็นใบผ่านทางชั้นเยี่ยม จะทำอะไรที่ไหนก็สะดวกดายเสียจริงกับที่นี่ บางทีแอบๆ คิดว่าหรือพัทยาจะเป็นเมืองขึ้นของต่างชาตินะ แล้วคนไทยเป็นประชากรชั้นสองของที่นี่

ชักเลยเรื่องที่อยากเขียนอีกแล้วสิฉัน นี่แหละน้า บางทีพอได้เขียนอะไร ก็มักจะไปเรื่อยๆ เขียนไปจนบางทีหยุดตัวเองไม่ได้ ความคิดมักจะพรั่งพรูออกมา ไม่เคยคิด ไม่เคยเตรียมไว้ก่อนว่าจะเขียนเรื่องอะไร การเขียนของฉันมันเกิดจากอารมณ์แท้ๆ เทียว ดูเอาเถิด เริ่มนอกเรื่องไปอีกแล้วฉันนี่ น่าตีมือเสียจริง

ว่าแล้วก็กลับเข้าเรื่องที่ฉันงึมงำไว้ด้านบนจะดีกว่า สิ่งที่พยายามจะสื่อ ก็คือว่า ไม่ใช่มีแต่ผู้หญิงที่ทำงานบาร์อย่างเดียวหรอกนะ ที่เห็นว่า ฝรั่งเป็นพระเจ้า เพราะคนอาชีพอื่นๆ ผู้หญิงอื่นๆ ก็มักจะเห็นเช่นนั้นเหมือนกัน ไม่เว้นแม้แต่สาวๆ ที่ขายของตามห้าง หรือที่เขาเรียกกันว่า pc หรือพนักงานขายนั่นแหละ พัทยามีห้างอยู่หลายห้างนะ แต่ห้างที่อยู่ใกล้ฉันเนี่ยเป็นห้างท้องถิ่นของนักการเมือง นักธุรกิจใหญ่คนหนึ่ง พนักงานขายในนั้นก็เยอะแยะ มีแฟนเป็นต่างชาติกันเพียบ นอกจากจะเห็นว่าฝรั่งหัวทองดีกว่าหนุ่มๆ ไทยแล้ว สาวๆ เหล่านี้ยังมองเห็นเป็นตู้กดเงินอัตโนมัติอีกต่างหาก หรือจะเป็นโชคดีของหนุ่มไทยกันแน่นะ ที่สาวๆ เหล่านี้เมินเขาไป ฉันก็ไม่เข้าใจเท่าไหร่ ทำไมคนไทยชอบคิดว่า ฝรั่งหรือต่างชาติต้องมีเงิน ยิ่งเห็นบางคนบูชาฝรั่งหัวแดงเสียจนมองไม่เห็นหัวคนไทยด้วยกัน คิดกันจังว่าพวกนี้ดี หลายคนทำงานเป็นกุลที่บ้านตัว พอมาเมืองไทยก็กลับมีคนเอาอกเอาใจพินอบพิเทาเสียจนเหมือนราชา ชีวิตนี่น้อ มันช่างขึ้นกับเงินตราจริงๆ

ลูกค้าคนที่ทำให้ฉันรู้สึกไม่ชอบเอามากๆ ถึงขั้นเวลาส่งจดหมายให้เธอแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียนเสียเหลือทนก็เป็นหนึ่งในประดาสาวห้างเหล่านี้แหละ ไอ้อาชีพแบบฉันเนี่ย ต้องคอยรับรู้เรื่องส่วนตัวของคุณๆ เธออยู่ตลอด ด้วยความที่ต้องคอยสื่อสารให้เขา ต้องคอยแปลจดหมายให้เขา แล้วกับสาวเจ้านางนี้นะ จริงๆ ก็ไม่สาวเท่าไหร่แล้วล่ะ อายุพอประมาณแล้ว มีลูกสามคน ครั้งหนึ่งยังเคยนึกชมเชยเธออยู่ในใจว่าตัวคนเดียวเลี้ยงลูกนี่ช่างเก่งเสียจริง แต่หลังๆ ความชื่นชมของฉันมันค่อยๆ เลือนหาย ไป พร้อมกับความรู้สึกประหลาดๆ เพิ่มเข้ามาแทน นับวันยิ่งมากทบทวี นับวันยิ่งรังเกียจ ทุกครั้งที่แปลจดหมายและส่งไปให้แฟนชาวต่างชาติของเธอ ทุกครั้งที่ต้องคอยเขียนอีเมลบอกเล่าสิ่งที่เธอต้องการ เธอจะมาหาฉันประมาณสัปดาห์ละครั้ง เชื่อกันหรือเปล่า นับตั้งแต่ฉันเห็นเธอมาหลายเดือนนี้ ไม่มีครั้งไหนที่เธอส่งอีเมลโดยไม่พูดถึงเงิน ทุกครั้งที่เธอส่งไป มักจะพร่ำพรรณาว่า ชีวิตเธอลำบากนัก ต้องเลี้ยงดูลูกอยู่คนเดียว ลูกสามคนต้องมีเธอเป็นผู้ดูแล ลูกสาวฝากไว้กับแม่ ลูกชายไว้กับตัวเอง เงินเดือนพนักงานขายอย่างเธอก็ได้น้อยนัก ขอความกรุณาช่วยส่งเงินช่วยเหลือเลี้ยงดูด้วย ฉันนึกสงสัยอยู่บ่อยๆ ว่า ทำไมพอมีแฟนฝรั่งแล้ว ชีวิตเธอดูเหมือนจะลำบากลำบนมากมายเหลือเกิน พลอยให้ฉันฉงนว่า แล้วเมื่อก่อนก่อนจะมามีแฟนคนนี้ เธอมีชีวิตรอดมาได้ยังไง(วะ) ทำไมพอมีแฟนต่างชาติแล้ว นั่นก็แย่ นี่ก็ไม่ไหว ล่าสุด พิโอดพิครวญไปในจดหมายว่า ลำบากมาก ต้องเดินกลับห้องทุกวัน ต้องตื่นแต่เช้าพาลูกไปส่งโรงเรียน ต้องเดินกลับเข้าซอย มาอาบน้ำแต่งตัวไปทำงาน วันละหลายๆ รอบ ร้องขอจนจะได้รถจักรยานยนต์มาเป็นพาหนะ ไอ้ทีแรกบอกว่าให้เขาดาวน์ให้ ตนจะผ่อนเอง หลังๆ บอกว่า หวังว่าคงจะช่วยแล้วไม่ทิ้งกันดื้อๆ ฉันก็สงสัยอีกแหละว่า เอ๊ะยังไง ตกลงใครจะส่งให้หว่า ว่าไปฉันก็ลูกอีนังช่างสงสัยกับชีวิตชาวบ้านเขาจริง ๆนะ ล่าสุดคืนก่อน เธอมาพร้อมกับเรื่องมอไซด์อีกแล้ว คราวนี้บอกว่ารถที่ไปดูเป็นรุ่นใหม่ แพงขึ้น แต่เหมาะกับผู้หญิง อย่างนั้นอย่างนี้ร้อยพันเหตุผลที่เธอยกมา แล้วก็ตบท้ายไปว่าเงินค่ามอไซด์คงไม่เกี่ยวกับเงินเดือนประจำของเธอ ... ฉันไม่แปลกใจสักเท่าไหร่ ว่าทำไมชาวต่างชาติที่มาพัทยาถึงมักจะดูถูกคนไทยนักหนา ก็คนไทยชอบทำให้เขาดูถูกเองนักนี่ มีแฟนไว้คอยไถตังแท้ๆ เทียว เผลอๆ ฉันก็มองๆ เห็นมือเธอถือเตารีดติดมาด้วยนะเนี่ย หลังๆ เป็นเตารีดไอน้ำด้วยสิเอ้า

จะว่าไป ฉันจะไปยุ่งวุ่นวาย ไปรู้สึกอะไรกับชีวิตเขาก็ไม่รู้ แต่บางเรื่องมันรู้เข้ามากๆ ก็รู้สึกไปด้วย เห็นแล้วสมเพช แกมรังเกียจ จะต้องเป็นแบบนี้อีกนานแค่ไหน จะต้องให้เขาดูถูกคนไทยไปอีกนานไหม เฮ้อ