ห่างหายไปนานสำหรับ Pattaya Series จะว่าไม่มีอะไรเขียนก็ไม่ใช่ แต่คงเป็นผลจากจิตใจของตัวฉันเองเสียมากกว่า ไม่นับเรื่องความสูญเสียที่เพิ่งจะผ่านมาไม่นาน มันเป็นเรื่องของอารมณ์ การเขียนอะไรสำหรับฉันมันยากจริงๆ ถ้าหากไม่มีอารมณ์ จะเขียนอะไร พยายามเท่าไหร่ก็ไม่เกิดประโยชน์ คำพูด ข้อความที่อยากจะเขียน มันก็เหมือนจะตื้อจะตันเอาได้ง่ายๆ บางทีแค่จรดปลายนิ้วลงบนคีย์บอร์ดเพื่อจะเริ่มเขียนอะไรสักอย่าง มันก็ทำได้ยากเต็มทน นึกๆ แล้วทึ่งกับพวกนักเขียนมืออาชีพ หรือคอลัมนิสต์มืออาชีพที่เขาทำอาชีพนี้เลี้ยงตัวกันจริงๆ ว่าหาเรื่องราวอะไรมาเขียนได้บ่อยขนาดนั้น แถมยังบังคับตัวเองให้เขียนได้แทบจะทุกสัปดาห์กันเลยทีเดียว เก่งนะ นักเขียนนี่ แบบฉันนี่จะให้เป็นนักเขี่ย ยังยากเลย
นอกเรื่องไปอีกล่ะฉัน หยุดตัวเองไม่ได้สักที เวลาจะเริ่มเขียนอะไรเนี่ย เหมือนต้องมีเรื่องให้ต้องออกทะเลกันเรื่อย Pattaya Series คราวนี้มาแนวแปลกกว่าเดิมสักหน่อย เพราะไม่ได้พูดถึงสิ่งที่เห็นใกล้ตัว ที่สามารถล้วงข้อมูลได้เต็มที่เหมือนเรื่องหน้าอกหน้าใจของสาวๆ หรือไม่สาวกันแถวนี้ คงมีขาดมีหล่นบ้าง แต่เขียนจากที่เห็นมานาน และพอมีข้อมูลบ้าง ถึงจะไม่มากก็ตามที แต่คนมันอยากเขียนเรื่องนี้นี่นาใครจะทำไม) ว่ากันด้วยเรื่องของบริการถึงที่ของธุรกิจแถวนี้กันดีกว่า เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าฉันเขียนเป็นแต่เรื่องของพวกแหล่งอโคจร พวกไม่ใช่ก็มีนะ ก็ที่กำลังจะโม้อยู่นี่ไงคะ จากที่เคยเขียนๆ ไว้ตั้งแต่เริ่มเขียน Pattaya Series เมื่อสักสองปีที่แล้วนี้ว่า พัทยาเป็นเมืองที่มีธุรกิจหลากหลายรูปแบบมาก และเหมือนใครๆ ก็จะพากันมุ่งหน้ามาพัทยา มาหาเงินกัน (กระทั่งฉันก็คงพอจะนับได้ว่าเป็นหนึ่งในนั้น) บางคนใช้คำหรูหน่อยก็คือ มาหาโอกาสให้ชีวิต มาเริ่มต้นชีวิตใหม่ ก็ว่ากันไป ตามแต่จะเรียกก็ตามใจคนเขาเถิด ว่าไหมคุณ
ธุรกิจที่ฉันบอกว่ามีมากที่สุดในพัทยาก็ หลักๆ ก็คงจะไม่พ้นบาร์อย่างที่เคยเขียนไปแล้ว และยังมีธุรกิจอีกหลายๆ ประเภทที่เกิดขึ้นมาเพื่อรองรับธุรกิจหลักตัวนั้น ถึงจะเป็นรายยิบรายย่อย แต่หากจะนับจำนวนกันจริงๆ มันเยอะมากๆ จนตำรวจเทศกิจเมืองพัทยานี่มีงานทำกันไม่ว่างเว้นทีเดียวล่ะ ค่ะ กำลังจะพูดถึงอาชีพหาบเร่แผงลอยกันนั่นแหละ แต่คุณ ๆเชื่อไหม ฉันไม่เคยเห็นที่ไหนในไทยที่จะมีพ่อค้าแม่ค้าหาบเร่มากมายเท่าพัทยาอีกแล้ว ให้พระเจ้าทอดกล้วยมาช่วยฉันก็ยืนยันคำนี้ค่ะคุณ ถ้าคุณๆ มาเห็นคงจะยอมรับกล้วยเอ้ย รับคำฉันได้อย่างไม่ยากเย็น เพราะบริการหาบเร่ของที่นี่น่ะไม่เหมือนที่ไหนๆ สำหรับฉันนี่อยากจะเรียกว่า บริการเสริฟถึงที่ เพราะพวกแม่ค้าพ่อค้าเหล่านั้นเขาไม่ได้เป็นแผงๆ กันอย่างที่เราเห็นอย่างเดียวนี่คะ แต่พวกคุณๆ พ่อค้าแม่ค้านี่เจาะลึกถึงตลาดกลุ่มเป้าหมายของเขาดีนักแล
ถ้าจะพูดถึงว่า "หาบเร่ แผงลอย" พวกคุณๆ คงจะนึกถึงแผงค้าขายริมถนน หรือแบกะดิน ภาพพ่อค้าแม่ค้าหาบคอนกระจาดเร่ขายของ อะไรทำนองนั้น แต่สำหรับพัทยา มันมีมากกว่านั้นค่ะ เพราะมีทุกอย่าง จริงๆ นะ คุณแค่อยู่กับที่แต่จะมีของมาเสนอขายคุณถึงที่ อะไรก็ตามที่คุณอยากได้ รับรองพวกแม่ค้าพวกนี้เขามีให้หมด ยกเว้นก็แต่พวกอสังหาริมทรัพย์ที่เขาไม่สามารถยกมาให้คุณดูได้ก็เท่านั้นแหละ แต่ถ้าเป็นอย่างอื่นรับรองคุณหาได้จริงๆ จากแถวๆ นี้ เออ จะว่าไป เสริมสวยเคลื่อนที่ฉันก็ยังไม่เคยเห็นนะ เดี๋ยวจะกลายเป็นหาว่าโม้ไป คราวนี้ฉันเลยมีรูปประกอบด้วย ให้เห็นว่าส่วนหนึ่งของชีวิตที่พัทยาเป็นอย่างไร ดูไป อ่านไป ไม่จำเป็นต้องเชื่อหรอกนะคะ เพราะฉันเล่าจากที่ฉันเห็น และสัมผัส
ครั้งที่มาอยู่พัทยาใหม่ๆ ตามคำชวน บวกกับแรงดื้อดึงที่ฝืนที่บ้านด้วย ฉันก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจไปกับแสงสี ของบาร์ และความรู้สึกแปลกๆ ที่มีต่อ "สาวๆ" แถวนี้ คนเขาไม่คุ้นอะไรทำนองนี้นี่คุณ แรกๆ มันก็รู้สึกตะขิดตะขวงใจกันอยู่บ้าง และสิ่งที่ฉันเห็นนอกจากสาวๆ แล้วก็เป็นพวกพ่อค้าแม่ขายที่เขามีอาชีพเร่ขายของนี่แหละค่ะ จะเอาอะไรบ้างล่ะ ที่เร่ขายกันน่ะ คุณแค่นั่งอยู่กับที่ เดี๋ยวพวกพ่อๆ แม่ๆ (ค้า) เขาก็จะ มุ่งหน้ามาหาคุณเอง คุณๆ คงจะเคยเห็นแค่ หาบขายขนม ของกิน รถเข็นผลไม้ ขายไม้กวาด ขายเขียงกันใช่ไหมคะ แต่โทษทีพัทยานี่มีมากกว่านั้น เพราะนอกจากพวกรถเข็นที่คุณๆ เห็นกันจนชินตา ยังมีพวกเร่ขายของไม่ว่าจะเป็น ของกิน ที่ใช้วิธีกระเดียดกระจาด พร้อมตะกร้า หรือบางคนมาในมาดของแอร์โฮสเตส คือลากกระเป๋าล้อลาก (รถเข็นล้อลาก) กันเลยทีเดียว ขายกันไปตั้งแต่ซูชิ ยันปลาร้าป่น อ๊ะ อาหารฝรั่งก็มีเยอะนะคะ แซนด์วิช สลัด เบอร์เกอร์ โอ้ย สารพัดค่ะ อ้อ แล้วก็ยังมีขนมหวานทั้งไทย และเทศด้วยนะคะ
แล้วยังมีพวกเสื้อผ้าเครื่องนุ่มห่ม ซึ่งแบ่งได้เป็นหมวดๆ อีกนะคะ มีตั้งแต่เสื้อผ้าพวกนุ่งน้อยห่มน้อย (อันนี้สำคัญ เพราะเป้าหมายเขาคือสาวๆ ที่นั่งอยู่ในบาร์) กระโปรงตัวจิ๋ว กางเกงยืดสั้นแค่คืบ (ไม่รู้จะตัดมาทำไมให้เปลืองผ้า) เสื้อยืดตัวสั้นเต่อ หรือชุดกระโปรงยาว ชุดราตรี ฯลฯ สารพัดสารพันค่ะ ประเภทของเสื้อผ้าแถวนี้น่ะ (ชุดราตรีนี่ก็มีเดินขายกัน ชุดราตรีนี่ไม่เป็นเรื่องแปลกสำหรับสาวๆ แถวนี้นะคะ ภาพที่เห็นจนชินคือ สาวๆ ใส่ชุดราตรีสวยกริ๊บ แต่จูงมือกับฝรั่งหัวทองใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ หรือกางเกงขาสั้นด้วยซ้ำไป เป็นภาพที่ขัดกันอย่างมาก แต่อย่างเดียวที่ดูเหมือนจะเข้ากันได้ก็คือมือ ละมังคะ เพราะกุมกันแน่นไม่ปล่อย อย่างอื่นจะแน่นไม่แน่น หรือไปกันได้ไหม ฉันไม่ทราบค่ะ แฮ่) มือหนึ่งจะถือหุ่นแขวนเสื้อ อีกมือก็หอบเสื้อผ้าที่แขวนในไม้แขวนบ้าง หรืออยู่ในถุงบ้าง เร่เดินไปทั่ว เข้าบาร์นั้นออกบาร์นี้ ไปเรื่อยๆ ยังค่ะยังไม่หมด มีของชั้นนอกแล้วก็ต้องมีชั้นในค่ะ ชุดชั้นในทุกประเภท จะไซส์เล็กใหญ่ จะยืดจะลูกไม้ จีสตริง พี่แกมีขายกันทั้งนั้นค่ะ โดยเฉพาะแบบเซ็กซี่ ซีทรู นี่ฮิตกันจริงๆ ขายดิบขายดีกันไม่เว้น ทำไมต้องเน้นเซ็กซี่ ก็ลูกค้าเป้าหมายของเขานั่นใครกันละคะ สาว ๆ แถวนี้ทั้งนั้นแหละ สาวอะโกโก้ก็เยอะนี่คะ ยังไม่หมด นอกจากเสื้อผ้าแล้ว หน้า ผมก็ยังสำคัญ เมื่อมีเสื้อผ้าเร่ขาย ก็ต้องมีเครื่องสำอาง (เครื่องสำอาง ไม่มี ค์ ยืนยันค่ะ - ตกลงบล็อกนี้จะสอนภาษาไทยหรือจะเอาไว้โม้หว่า) มีทั้งแม่ค้าและพ่อค้าค่ะ แต่ละคนจะมีตะกร้าไว้กระเดียดอยู่ข้างเอว และอีกมือหนึ่งก็จะมีแผงพลาสติกหรือไม่รู้จะเรียกอะไร แผงๆ กระดาษที่แขวนพวกเครื่องสำอาง จำพวก ลิปสติก ดินสอเขียนคิ้ว อะไรทำนองนี้แหละค่ะ เดินเข้าออกบาร์ไปเรื่อยๆ ยังค่ะยัง ยังไม่ครบเซตแต่งตัว นอกจากเครื่องสำอาง เสื้อผ้า ยังขาดเครื่องประดับค่ะ มีบริการถึงที่อีกเช่นกัน มาในรูปแบบของตะกร้า และแผงโชว์สินค้า เดินกันไปเรื่อยๆ ต่างหู สร้อยคอ สร้อยข้อมือ สร้อยข้อเท้า ที่รัดผม กิ๊บติดผม ที่คาดผม สารพัดค่ะ บางรายประยุกต์ค่ะ ขายทั้งเครื่องประดับและเครื่องสำอางในตะกร้าเดียวกัน แบบทูอินวัน ไม่รู้บรรจุกันมาได้อย่างไร ตะกร้าก็แค่นั้น แต่ถามหาอะไรเป็นต้องมี อย่างกับกระเป๋าโดเรม่อนก็ไม่ปาน
โม้มาซะยาว คั่นเสียหน่อย หลายคนอาจจะแปลกใจว่า ทำไม เป้าหมายเขาถึงเป็นสาวๆ ที่อยู่ตามบาร์ ทำไมสาวๆ ไม่ออกไปหาซื้อกันข้างนอก และทำไม และทำไม เหตุผลก็คือว่า ในช่วงเวลาค้างคาวหากิน หรือหัวค่ำๆ เป็นเวลาที่พวกสาวๆ เขาเริ่มงานค่ะ เมื่อเข้างานแล้ว (เข้าบาร์นั่นแหละ) จะมีกฏว่าห้ามออกไปข้างนอก จะมีเวลาพักให้แต่แค่ไม่กี่นาที ใครเข้าสายเข้าช้าโดนหักกันเป็นนาทีค่ะ แถวนี้หักเงินกันโหดมาก เป็นร้อยเลยนะ เพราะฉะนั้นสาวๆ เหล่านั้นจึงไม่อยากจะเสี่ยงออกไปข้างนอก เพื่อแลกกับการโดนหักเงิน เป็นเหตุผลว่าทำไมถึงมีพวกเร่ขายของมากมายในพัทยานี่แหละค่ะ อยากได้อะไร อยากกินอะไร เดี๋ยวมีรถ มีคนเดินมาเร่ขายถึงที่ ไม่จำเป็นต้องออกไปไหนเลย พ่อค้าแม่ขายทั้งหลายก็ไม่จำเป็นต้องมีร้าน ไม่ต้องเสียเงินค่าที่ ภาษีก็ไม่ต้องเสีย เสียค่าปรับถ้าเจอเทศกิจ แล้วหนีไม่ทัน สาวๆ ก็ไม่ต้องโดนหักเงิน เห็นไหมละคะ ผลประโยชน์มันลงตัว อะไรๆ มันก็ลงล็อก เช่นนี้แล
ยังมีอีกสารพัดชนิดค่ะที่เดินเร่ขายกันเนี่ย รองเท้าก็มีนะคะ ไฟแช็ค กระเป๋า นาฬิกา (ของก๊อปยี่ห้อดัง) ไหนจะพวกเร่ถ่ายรูปโพลารอยด์ ให้ถ่ายรูปคู่กับนางอาย งูเหลือม (งูเหลือมนี่น่าสงสารค่ะ โดนเย็บปากน่าสงสารน้องเหลือมแก) เร่ขายพวงมาลัย ดอกไม้สด พวงมาลัยนี่ไม่ใช่เฉพาะพวงมาลัยไหว้พระนะคะ แต่ยังมีพวกพวงมาลัยที่ร้อยจากดอกกล้วยไม้หรือบางทีเป็นดาวเรืองอะไรประเภทนั้น ไว้คล้องให้แขกต่างชาติค่ะ มีอะไรอีกมั่งนะ นี่ว่ากันเฉพาะพวกหอบของเร่ขาย ยังไม่นับพวกรถเข็นเลยนะคุณๆ
ว่าแล้วก็มาพูดถึงเรื่องรถเข็นกันเถอะ รถเข็นขายของในเมืองพัทยาเนี่ย จะมีหลายแบบค่ะ ที่เห็นกันเยอะมากๆ จะมีรถขายผลไม้ ขายยำ ขายไส้กรอกอีสาน และปลาหมึกย่าง ขายผลไม้ ขายยำ นี่ก็ของใครของมันค่ะ รถใครรถมัน แต่พวกขายไส้กรอกอีสาน หรือพวกหาบเร่ขายไข่ปิ้งไข่ปรุง ถั่วไรประเภทนี้ นี่มีแฟรนไชส์นะคะ อย่าทำเป็นเล่นไป เคยคุยๆ กับแม่ค้าขายไส้กรอก เลยได้ข้อมูลมาว่า รถแต่ละคันก็ไม่ใช่ของตนหรอก แล้วข้าวของนี่ก็ไม่ได้เตรียมเอง แต่จะไปรับมาจาก แม่ค้าเจ้าใหญ่ในซอยบัวขาว หรือที่ไหนสักแห่ง อันนี้ฉันจำไม่ได้แม่น เขาจะจัดของไว้ให้ขาย ทั้งไส้กรอก ไม้จิ้ม ผักเคียง ถุงพลาสติก หรืออะไร นี่ไม่ต้องทำอะไรเลยค่ะ แค่เตรียมตัวกับเตรียมแรงไว้เข็นรถเข็นขาย รวมถึงไว้เข็นหนีเทศกิจด้วยนะ จะเห็นได้ว่ามันไม่ใช่ธุรกิจเล็กๆ เลยละค่ะถ้าเรามองภาพรวมแล้ว แค่รถเข็นไส้กรอกอย่างเดียวนี่ก็มีกี่ร้อยคันก็ไม่รู้ทั่วเมืองพัทยาเนี่ย แล้วยังพวกหาบเร่ที่ขายไข่ปิ้ง ขายไรอีกนั่นละ เคยเห็นแม่ค้าขายไข่ปิ้งโดนจับที่ริมหาดค่ะ เห็นแล้วสงสารเหลือใจ เพราะป้าแกก็แลดูแก่มากแล้ว แล้ววิ่งหนีไม่ทัน ข้าวของนี่หล่นกระจายเต็มหาด เห็นแล้วบอกไม่ถูกค่ะ มันสลดใจกับภาพที่เห็น แต่ก็เข้าใจว่าหน้าที่ของตำรวจเขาก็มี จะว่าไปน่ะ เทศกิจเมืองพัทยาน่ะ ขยันนะคะ ดึกดื่นแค่ไหนก็ยังทำหน้าที่ไล่จับพวกพ่อๆ แม่ๆ นี่กันจนดึกจนดื่น ไม่ใช่เฉพาะเทศกิจหรอกค่ะ จราจรก็พอกัน ดึกดื่น ซอกไหนซอยไหน ไม่เกี่ยง พี่แกยืนคอยจับอยู่นั่นแหละ โดยเฉพาะช่วงใกล้ๆ สิ้นเดือน แหม น่าให้รางวัลเจ้าหน้าที่ดีเด่นเสียจริงๆ (นี่ชมนะคะ ไม่ได้ประชดแต่อย่างใด )
ก็เล่าให้อ่านกันตามที่เห็นค่ะ มันมีอีกเยอะแยะตาแป๊ะไก๋จริงๆ เรื่องเร่ขายของแถวนี้ ส่วนใหญ่ไม่ใช่คนพื้นที่หรอกค่ะ เป็นคนมาจากถิ่นอื่นกันทั้งนั้น เข้ามาเพราะหาเงินกันง่าย จากได้ยินเขาเล่าว่า ไม่ต้องลงทุนมาก ลงแค่แรง เดินมันเข้าไป เดินถึงไหนถึงกันขอขายของได้ รถเข็นบางเจ้านี่ขายจนรวยนะคะ ไม่ต้องยกตัวอย่างไกลหรอก อันนี้ฉันยืนยัน แม่ค้าส้มตำหน้าบ้านฉันนี่แหละ เห็นตั้งแต่มาขายมีรถปิคอัพเก่าๆ คันเดียว จนเดี๋ยวนี้ แค่สามปีกว่า มีบ้านใหม่ รถอีกสองคัน แถมทองนี่เส้นยังกับโซ่ เห็นแล้วกลัวแทนโจรจะมาจี้ แหม ขายของกินนะคะคุณ แล้วถ้าอาหารอีสานที่คนอีสานอยู่กันเยอะๆ แบบนี้ ไม่ต้องห่วงค่ะ ขายดียังกับแจกฟรี เห็นคุณพี่แกตำส้มตำมือแทบไม่ได้ยกจากครกเลยทีเดียว ค่าที่จ่ายแค่ไม่กี่พัน ค่าน้ำไฟไม่เสีย คิดเอาเถอะ จะไม่รวยอย่างไรไหว ฉันเห็นแล้วยังร่ำๆ อยากเปลี่ยนอาชีพไปถือสาก เอ้ย ไปตำส้มตำเหมือนพี่แกทีเดียว ติดอย่างเดียว ไม่มีฝีมือค่ะ
รูปพวกนี้ถ่ายๆ จากแถวหน้าบ้านแหละค่ะ ไม่ได้ออกไปเดินถ่ายมา อาศัยว่ายกกล้องเล็งแล้วซูม เลยไม่ค่อยจะชัดเท่าไหร่ ^^"
ยกมาเล่า มาแบ่งปันให้รับรู้อีกด้านของเมืองท่องเที่ยวแบบพัทยาค่ะ ใช่ว่าจะมีแต่สถานที่ท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยว หรือใช่ว่าจะมีแต่ธุรกิจทางเพศเพียงแค่นั้น ยังมีอีกเสี้ยวที่เหมือนเป็นส่วนเล็กๆ ของที่นี่ แต่หากจะดูจริงๆ ไม่เล็กเลยนะคะ ที่แต่งแต้มสีสันของเมืองพัทยาให้ไม่เหมือนใคร......
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment